Eng Breaking – อยากเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเป็นเป้าหมายของผู้เรียนหลายๆ คนเเต่ปัญหามักจะเจอเมื่อฝึกฟังเเละพูดมันไม่น้อยจริงๆ ควรทำอย่างไรเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษ มั่นใจในการสื่อสาร เรียนเเล้วสนุกดี ต้องไม่พลาดกับบทความนี้ เผยทุกอย่าง ตอบทุกข้อสงสัยค่ะ
ฝึกฟังภาษาอังกฤษกับปัญหาที่เจอมาบ่อยๆ
ในสี่ทักษะฟัง พูด อ่าน เขียน ยังไงทักษะการฟังก็เป็นทักษะสำคัญอย่างมากที่ผู้เรียนอยากเก่งภาษาอังกฤษต้องไม่พลาด แต่ปัญหาที่พบบ่อยเมื่อคุณฝึกทักษะการฟังคือ
1.แยกไม่ออกเพราะมีหลายคำที่มีการออกเสียงคล้ายๆ กันเช่น Know /nəʊ/ (Verb) กับ No /nəʊ/, Hi /haɪ/ กับ High /haɪ/ (Adjective), Eye /aɪ/ (Noun) กับ I /aɪ/ (Pronouns), Flour /flaʊər/ (Noun) กับ Flower /flaʊər/ (Noun)….
2. ฟังแต่ไม่รู้วิธีการจับใจความหมายของบทความ หมายถึงว่าฟังไปแต่ไม่จับศัพท์ที่สำคัญหรือเรียกได้ว่า keyword หรือขาดคลังศัพท์เลยไม่เข้าใจกำลังฟังอะไร ฟังไปแล้วก็ลืมไป ไม่มีผลประโยชน์อะไร
3.ฟังไม่ทันคนอื่นพูดอะไร เพราะเห็นเขาพูดเร็วไป หรือว่าเราไม่ตั้งใจฟังทำให้การฝึกทักษะการฟังกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสำหรับหลายๆ คน และเมื่อพูดถึงเรื่องสอบฟังหรือ สื่อสารกับชาวต่างชาติผู้เรียนจะอับอายหรือกลัวไม่กล้าที่จะเล่าปัญหาของตัวเองเลยเรียนไปหลายๆ ปีแต่ไม่เห็นความแตกต่างอะไรจากจุดยืนเดิมๆ
แต่อย่ากังวลมากไปเพราะตั้งแต่วันนี้เราจะมีวิธีดารฝึกทักษะการฟังได้อย่างมืออาชีพกับ Eng Breaking เว็บไซต์การเรียนการสอนชั้นนำในประเทศไทยที่มีมากกว่า 68,000 ผู้เรียนกำลังเรียนอยู่
วิธีการฝึกฟังภาษาอังกฤษยอดเยี่ยมจาก Eng Breaking
ฟังให้คุ้นหู เป็นวิิธีการฟังที่จะช่วยคุณเข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูดให้อย่างชัดเจนดีเเต่ไม่เร่งรีบ ฟังตามขั้นตอน เเรกๆ คือฟังช้า beginer speed เพื่อคุ้นกับการออกเสียง ฟังสำเนียงของชาวต่างชาติ ต่อไปเราฟังระดับที่สองคือ native speed เเล้วพูดตามเป็นประโยคสั้นๆ ถึงยาว จดไว้ศัพท์ใหม่ๆ เเล้งค่อยเเปลความหมาย ครั้งสุดท้ายฟังทั้งบทปรับความเร็วตามความสามารถของเรา
เคล็ด ลับสำหรับการฝึกฟังนี้คือเราต้องลองจับใจความหมายดูด้วย จับคำศัพท์หลักๆ เพื่อเดาความหมายของทั้งบท
ก่อนที่จะฟังเราก็ต้องคัดเลือกเนื้อหาบทฟังให้เหมาะกับตัวเอง เเต่อย่าฟังซ้ำๆ ไปเเค่บทเดียวนะคะ เราต้องอัพเดทความยากของบทฟังไปเรื่อยๆถึงจะเห็นความพัฒนาของตัวเองได้ดี สำหรับผู้เรียนคนใดที่ฟังครั้งเเรกๆ อย่ารีบใช้ transcript นะคะ ลองฟังเองดูว่าเราฟังอะไรได้บ้างก่อนจะดีกว่า
สำหรับการฝึกฟังภาษาอังกฤษความเร็วช้า (Beginner Speed) คือผู้เรียนจะได้ฟังแต่ละคำอย่างชัดเจนรวมถึงเสียงหางเสียงลม ดังนั้นคุณสามารถทราบว่าเสียงใดรวมอยู่ในคำศัพท์และเข้าใจความหมายของคำศัพท์ได้ง่ายจากนั้นจึงเข้าใจเนื้อหาของบทเรียนการฟังทั้งหมด
สำหรับการฝึกฟังภาษาอังกฤษความเร็วเเบบธรรมาชาติเหมือนคนต่างชาติคุยกัน (Native Speed) คือผู้เรียนจะได้ยินเเละทราบเพิ่มวิธีจับคู่เสียง จับคู่คำศัพท์ คำไหนต้องออกเสียงยาว คำไหนต้องออกเสียงสั้น สำเนียงและน้ำเสียงที่ใช้ในการสื่อสารเเบบธรรมชาติต้องอยู่ประมาณไหน ช่วยคุณฝึกทั้งสองทักษะการฟังเเละออกเสียงภาษาอังกฤษที่ใกล้ชิตกับเจ้าของภาษามากสุด
นอกจากนั้นเเล้วเมื่อผู้เรียนฝึกฟังภาษาอังกฤษในทุกๆ บทฟังก็จะมี File Q&A ที่มีข้อคำถามอยู่รอบๆ บทฟังเพื่อเช็คได้ว่าผู้เรียนเข้าใจบทเรียนได้มากน้อยขนาดไหน เเล้วก่อนจบบทเรียนจะมีบทเทสสั้นๆ เพื่อรวบนวมความรู้วันนั้น ผู้เรียนจะได้เเก้ไขความผิดพลาดทันที เป็นการประเมิลตัวเองได้ดี
นอกจากนั้นเเล้วผู้เรียนทุกคนจะมี คู่มือ checklist งานที่ต้องการทำภายในเเต่ละวัน เรียนตาม checklist คือเรียนตามเเผนการเรียนจาก Eng Breaking ผู้เรียนจะรู้ตัวว่าควรเรียนอะไรก่อน ควรเรียนอย่างไรเพื่อจัดเวลาเรียนให้เหมาะสมเเละสำคัญที่สุดคือมีเเนวทางการเรียนที่ชัดเจนอยู่เเล้วเราเดินตามทำตามคือวันหนึ่งเราจะสำเร็จเเน่นอน
ในตลอดเวลาเข้าเรียนกับ Eng Breaking ผู้เรียนจะได้รับเมล์เเจ้งเข้าเรียน กระตุ้นเข้าเรียนจากอาจารย์ Mike เห็นไหมคะคุณเรียนที่บ้าน เรียนด้วยตัวเองเเต่ไม่ใช่เรียนอย่างโดดเดี่ยวนะคะ เพราะมี Eng Breaking กับกลุ่มผู้เรียนเเละอาจารย์อยู่ข้างๆ ช่วยเหลือคุณอยู่เสมอ
สำคัญสุดคือตัวผู้เรียนเองก็ต้องมั่นใจในตัวเอง มั่นใจว่าตัวเองทำได้เเน่นนอน คือได้ชนะถึง 50% เเล้วค่ะ ที่เหลือมี Eng Breaking ช่วยคุณเดินทางเข้าสู่ความสำเร็จได้เเน่นอน
4 Tips ฝึกฟังภาษาอังกฤษ
1.ไม่ควรเรียนในที่ที่มีเสียงดังเพราะมันจะทำให้เราตั้งใจฟังยากไป ควรเลือกเวลานั่งฟังช่วยอาจจะเป็นตอนเช้าทุกวันก็ดีนะคะ
2. เตรียมจดไว้สิ่งที่ฟังได้ ศัพท์ให่มๆ ด้วย ถ้าเราไม่มีคลังศัพท์เราจะฟังเเต่ไม่เข้าใจเนื้อหาของบทฟังนั้นเเน่อนค่ะ
3.เลือกบทฟังเหมาะกับความสามารถของตัวเองเเละ upgrade ความยากของบทฟังไปเรื่อยๆ เพื่อประเมิลความพัฒนาของตัวเอง
4. ฟังบทหลากหลายไม่ว่าจะเป็นบท สนทนา บทใช้ในชีวิตประจำ บทใช้ในการทำงาน ฟังจากเพลง ฟังอยากการดูหนัง ดูข่าว เเละเลือกสำเนียงของคนที่คุณชอบ ออกเสียงชัดเจนเพื่อเลียนเเบบตามก็ดีนะคะ
สรูปแล้วว่าถ้าอยากฟังเก่งผู้เรียนต้องไม่พลาดกับขั้นตอนดังนี้ หนึ่งคือเริ่มจากการฝึกฟังอะไรที่คุณชอบเพื่อสร้างแรงดันดาลใจในการเรียน สองคือเลือกฟังสิ่งที่เหมาะสมกับความสามารถของคุณเพื่อทำให้คุณไม่รู้สึกเบื่อหน่ายง่าย สามคือฟังอย่างสม่ำเสมอเพื่อฟังให้คุ้นหู ฟังให้ชีนสำเนียงของชาวต่างชาติ สี่คือฟังและอ่านตามเป็นการฝึกได้ทั้งทักษะการฟังและการออกเสียงของคุณได้ดีที่สุดเลือกเลียนแบบตามคนที่คุณชอบเลียนแบบตามสำเนียงของเขาได้ถ้าเขาเก่งภาษาอังกฤษ ห้าคืออย่าลืมเขียนไว้สิ่งที่ฟังได้เป็นการเรียนรู้ศัพท์ใหม่ไปด้วย เพราะถ้าเราขาดคำศัพท์เราจะไม่เข้าใจเนื้อหาที่เราฟังแน่นอน เราเชื่อว่าคุณทำได้ “I can do it, You can do it!!”
คุณอาจต้องการที่จะเห็น: ประโยคภาษาอังกฤษที่พูดบ่อยที่สุดคืออะไร?